Part ที่ 3 นี่จะพูดถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนเสร็จสิ้นพิธีการในงานแต่งช่วงเย็นทั้งหมดนะครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านในสองส่วนแรก ไปตามนี้ได้เลยครับ พิธีการงานแต่งช่วงเย็น Part.1 พิธีการงานแต่งช่วงเย็น Part.2
ในช่วงท้ายนี้จะว่ากันด้วยเรื่องของช่วงโยนดอกไม้ หรือเซอร์ไพร์สต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซอร์ไพร์สระหว่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว เซอร์ไพร์สแขกผู้ร่วมงานเป็นต้น เริ่มต้นกันที่
ช่วงโยนดอกไม้
หลังจากที่คู่บ่าวสาวทำพิธีการตัดเค้กและนำมอบให้แก่ญาติผู้ใหญ่ (รวมถึงการรับวไหว้เพื่อเเสดงความขอบคุณแก่ญาติ ผู้ใหญ่) เป็นที่เรียบร้อย ทางพิธีกรก็จะทำหน้าที่เชิญคู่บ่าวสาวขึ้นสู่เวทีอีกครั้งเพื่อทำการโยนดอกไม้
การโยนดอกไม้นั้น ไม่จำเป็นจะต้อง “โยน” จริงๆ ตามชื่อของพิธีก็ได้ หลายคู่จากที่พบเจอมาก็เลือกใช้
แบบโยงริบบิ้นหลายๆเส้นเข้ากับช่อดอกไม้โดยเจ้าสาวเป็นผู้ถือ แล้วให้ผู้ร่วมงานทำการสุ่มเลือกจับริบบิ้นที่มีให้ หรือจะเป็นการโยนสิ่งของที่ไม่ใช่ดอกไม้ เช่น ตุ๊กตา ของขวัญต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและไอเดียของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่ละคู่ครับ
ในที่นี้ผมจะพูดถึงเฉพาะในส่วนของการโยนและการใช้ริบบิ้นเป็นหลัก โดยจะพูดถึงข้อดี ส่วนข้อเสียนั้นจริงๆแล้วก็ดีทั้งสองแบบ ผมขอตั้งเป็นข้อสังเกตไว้แทนเพื่อที่เอาไว้ใช้ปรุงปรุงให้ช่วงนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นแล้วกันนะครับ
แบบที่ 1 การโยนช่อดอกไม้
ช่อดอกไม้ ถือเป็นวิธีดั้งเดิมในการส่งมอบเจ้าสาวคนต่อไปก็ว่าได้ครับ โดยช่อดอกไม้ที่ใช้โยนก็จะมีขนาดเล็ก ไม่ใหญ่การตกแต่งช่อต้องไม่รกรุงรังจะเกินไป เพราะเราจำต้องโยนออกไป อาจทำให้เศษดอกไม้ ใบไม้ที่ตกแต่งไว้ปลิวกระจัดกระจายได้ครับ
ข้อดี
– แขกภายในงานได้มีส่วนร่วม (โอกาส) มากกว่าในการรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาว ทำให้ได้บรรยากาศและภาพที่สวยงาม
– เจ้าสาวสามารถกำหนดทิศทางคร่าวๆได้ ว่าต้องการให้ดอกไม้ไปในทิศทางไหน (กรณีที่ต้องให้เพื่อน,
คนสนิท ได้ช่อดอกไม้)
ตัวอย่างการทำงานของวงดนตรีกับช่วงการโยนดอกไม้
ข้อสังเกต
– พิธีกรหรือเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะต้องเชิญชวนให้แขกภายในงานออกมาร่วมในช่วงนี้มากพอ เพื่อที่จะสร้างบรรยากาศและทำให้ได้ภาพที่สวยงาม เทคนิคคือการระบุ, เรียกชื่อ, กลุ่ม เพื่อนนั้นๆของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวโดยตรง เพื่อให้ออกมาร่วมกับช่วงโยนดอกไม้นี้ครับ
– ผู้ที่ได้รับดอกไม้นั้น จะมีได้เพียงคนเดียว
– จริงอยู่ที่สามารถกำหนดทิศทางได้แต่ในเรื่องของความแรงในการโยน กะลำบากเพราะเจ้าสาวจะต้องยืนหันหลังโยนทำให้กะแรงที่จะใช้โยนลำบากครับ บางทีเเรงเกินไปตกในตำแหน่งอื่น บางทีเบาเกินตกไม่ถึงกลุ่มแขกที่ยืนรอ ในส่วนนี้อาจจะต้องเช็คระยะรหว่างแขกที่รอรับกับตัวเจ้าสาวผู้โยนไม่ให้ห่างกันเกินไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานที่จัดงานว่ากว้างขวางเพียงใด มีโต๊ะของแขกผู้ร่วมงานแน่นเกินไปหรือเปล่า ซึ่งบางงานจากที่ไปเจอสถานที่แคบและยังมีโต๊ะเบียดเต็มพื้นที่อีก อาจแก้ไขโดยให้แขกภายในงานขึ้นไปบนเวทีแทนแล้วเจ้าสาวโยนจากด้านล่างเวทีขึ้นด้านบนแทนก็ได้เช่นกัน
แบบที่ 2 การใช้ริบบิ้นโยงช่อดอกไม้
การใช้การโยงริบบิ้น แทนการโยนดอกไม้ก็ถือเป็นไอเดียอีกแบบที่น่าสนใจ โดยช่อดอกไม้ที่ใช้จะมีทั้งแบบเป็นช่อเดียว หรือ เมื่อดึงริบบิ้นแล้วหลุดออกเป็นช่อเล็กๆหลายช่อในกรณีที่อยากให้มีผู้รับหลายๆคน ก็ได้เช่นกัน
ข้อดี
– มีแขกเข้าร่วมในช่วงนี้เพียงเล็กน้อยให้ครบตามจำนวนริบบิ้นที่โยงไว้กับช่อดอกไม้ก็เพียงพอ
– ไม่จำเป็นต้องกะระยะในการโยน ดอกไม้ถึงมือแขกผู้ร่วมงานแน่นอน
– ผู้ที่ได้รับช่อดอกไม้อาจมีได้มากกว่า 1 คน
ข้อสังเกต
– เนื่องด้วยการใช้ริบบิ้นทำให้อาจต้องจำกัดจำนวนแขกผู้ร่วมงานให้ตรงตามจำนวนริบบิ้นที่เตรียมไว้ ทำให้แขกภายในมีส่วนร่วมแค่บางส่วน ในที่นี้พิธีกรหรือเจ้าบ่าวเจ้าสาว อาจระบุชื่อ กลุ่มเพื่อน,หรือบุคคล ที่ต้องการไว้ตั้งแต่ต้นเพื่อให้ตรงตามจำนวนริบบิ้นที่เตรียมไว้ครับ
– ต่อเนื่องจากข้อที่เเล้วสิ่งที่ต้องระวังและปัญหาส่วนใหญ่ที่พบเจอมา คือ ในส่วนของริบบิ้นที่ผูกกับช่อดอกไม้เกิดการพันกันเองระหว่างเส้น ทำให้ดึงกันไม่หลุด ยิ่งเส้นริบบิ้นยาวและมีหลายเส้นมากเกินไปยิ่งมีโอกาสพันกันได้สูงมาก ทำให้ต้องมาลำบากแกะออก ช่วงนี้อาจทำให้พิธีการติดขัดได้
ในส่วนนี้ผมแนะนำว่า ริบบิ้นที่ผูกช่อดอกไม้ ไม่ควรยาวจะเกินไปรวมถึงจำนวนของริบบิ้นเตรียมไว้แค่พอประมาณ (6-7 เส้น โดยประมาณ) จะช่วยแก้ปัญหาได้ในระดับนึงครับ
ตัวอย่างการทำงานของวงดนตรี สำหรับช่วงโยงริบบิ้น
เมื่อมีผู้โชคดีได้รับช่อดอกไม้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พิธีกรอาจเชิญผู้โชคดีขึ้นมากล่าวอวยพรสั้นๆบนเวทีแก่คู่บ่าวสาว รวมถึงถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก เป็นอันจบช่วงของการโยนดอกไม้ครับ
ต่อมาจะเป็น
ช่วงของเซอร์ไพร์ส (อาจมีหรือไม่มีก็ได้)
ซึ่งช่วงนี้จริงๆแล้วถ้ามีอาจจะอยู่ก่อนการโยนดอกไม้ (ในช่วงที่พิธีกรสัมภาษณ์พูดคุยกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวคร่าวๆเสร็จ ก็ได้) ซึ่งจะมีทั้งการเซอร์ไพร์สระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยกันเอง เช่น การร้องเพลงเซอร์ไพร์สให้แก่กัน หรือ บางคู่เจ้าบ่าว เจ้าสาว สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ด้วย ก็เป็นตัวเลือกอีกแบบที่น่าสนใจครับ
หรือจะเป็นการแจกของขวัญ ของที่ระลึกให้แก่ผู้ร่วมงาน โดยอาจจะเป็นการจับฉลากจากบัตรคำอวยพร การลงทะเบียนหน้างาน หรือติดฉลากไว้ตามตำแหน่งโต๊ะ-เก้าอี้ของแขกผู้มาร่วมงาน เป็นต้นครับ
เมื่อเสร็จสิ้นช่วงโยนดอกไม้และเซอร์ไพร์สต่างๆแล้ว หลังจากนั้นพิธีกรจะทำหน้าที่เชิญให้คู่บ่าวเจ้าสาวจะกล่าวขอบคุณแขกผู้ร่วมงาน ญาติผู้ใหญ่ต่างๆ บนเวที แล้วจึงให้กับพิธีกรเพื่อกล่าวปิดงานและส่งต่อให้กับวงดนตรีเพื่อบรรเลงต่อจนกระทั่งแขกทยอยกลับ (ระกว่างนั้นคู่บ่าวสาว จะเดินแวะเวียนไปตามโต๊ะของแขกผู้ภายในงานเพื่อทักทาย และถ่ายรูปร่วมกัน จนกระทั่งครบทุกโต๊ะ จึงจะย้ายไปที่ตำแหน่งแบ็คดรอปด้านหน้างาน เพื่อถ่ายรูปกับแขกผู้ร่วมงานที่อาจจะยังไม่ได้ถ่ายรูปช่วงต้น ในส่วนที่เหลืออีกครั้ง) เป็นอันเสร็จสิ้นทั้งหมดครับ
ก็ถือว่า “พิธีการงานแต่งงานในช่วงเย็น” ทั้งหมดเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ครับ
ผู้เขียน :
แม้ว่าการแต่งงานจะเป็นงานที่จะจัดครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต คู่บ่าวสาวอาจมีอาการเครียด วิตกกังวลหรือทะเลาะกันบ้าง กลัวว่างานจะออกมาไม่ดีตามที่คาดหวัง อยากให้ใจเย็นๆ แบ่งหน้าที่และคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีอะไรที่ต้องการภายในงานถูกใจหรือไม่ถูกใจก็พูดคุยกัน อย่าลืมว่ามันเป็นงานของคนทั้งคู่ ไม่ใช่งานของคนใดคนหนึ่ง
แนะนำว่าเมื่อได้วัน เวลา เเละสถานที่จัดงานที่แน่นอนแล้ว ก็ควรกำหนดแผนงาน (การแจกการ์ดเชิญ,เครื่องแต่งกาย,การตกแต่งสถานที่ ,อาหาร ,แขกภายในงาน, ช่วงพิธีการต่างๆ ฯลฯ) เมื่อได้รูปแบบที่แน่นอนแล้วก็ทำการแบ่งหน้าที่ เสร็จเรียบร้อยก็ทำการทบทวน การกำหนดแผนงานไว้ล่วงหน้าก่อน เมื่อเจอข้อผิดพลาดจะทำให้มีเวลาแก้ไขเตรียมตัวได้ทัน เมื่อถึงเวลาจริงก็จะทำให้งานเป็นไปได้อย่างราบรื่นหรือมีข้อบกพร่องน้อยที่สุดครับ
ขอบคุณทุกท่านที่สนใจและอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ บทความนี้อาจมีประโยนช์แก่คู่บ่าวสาวทุกท่านบ้างไม่มากก็น้อย โดยท่านที่เพิ่งได้เข้ามาอ่านในส่วนนี้ สามารถอ่านบทความในส่วนก่อนได้ที่ ช่วงเปิดตัว Part.1 และ ช่วงตัดเค้ก Part.2 นอกจากนี้บ่าวสาวยังสามารถจัดช่วง After Party เพื่อร่วมสนุกกับเพื่อนๆ ต่อ หลังจากจบพิธีการ สามารถดูแนวทางได้ที่นี่ครับ After Party คืออะไร จำเป็นไหม ?
“ขอให้คู่บ่าวสาวมีความสุขสมหวังใน งานแต่งงาน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการชีวิตคู่นะครับ”
ขอบคุณครับ
สิทธิกานต์ บัวทอง
วงหัวกะทิ
https://www.facebook.com/HuaKaThiBand